สร้างสระว่ายน้ำทำไมต้อง สระน้ำเกลือ?
สารบัญ
2.ต้นกำเนิด! ระบบ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ”
3.สาเหตุที่ทำให้ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ” เป็นที่นิยม
4.สระว่ายน้ำในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ระบบอะไร ?
5.“การดูแลสระว่ายน้ำระบบเกลือ”
6.การทำงานของ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ”
7.สรุป! การใช้เกลือสระว่ายน้ำ ดีมั้ย?
8.ทางเลือกที่ใหม่กว่า! กับเทคโนโลยีปัจจุบันของสระว่ายน้ำ
ก่อน…จะเลือกทำสระว่ายน้ำ
“หากคุณกำลังคิด สร้างสระว่ายน้ำ” ในส่วนของระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำคุณจะเลือกอะไรระหว่าง …
สระว่ายน้ำระบบเกลือ? หรือ สระว่ายน้ำคลอรีน?
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการสร้างสระว่ายน้ำ คือ เรื่องของระบบบำบัดสระว่ายน้ำ ที่เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคของสระว่ายน้ำ โดยเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ สามารถมาจากอากาศ สภาพแวดล้อม และจากผู้คนที่ใช้งานสระว่ายน้ำ โดย ระบบ “สระน้ำเกลือ” ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ในเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
ต้นกำเนิด! ระบบ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ”
สระว่ายน้ำระบบเกลือ (Saltwater Pool System) หรือเรียกสั้นๆว่า สระน้ำเกลือ ถูกค้นพบใน ช่วงปี 1960 เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในเรื่องของการใช้งานที่สะดวก ประหยัดเวลาการดูแลสระว่ายน้ำ ไม่ต้องเติมสารเคมีบ่อยๆ การเปลี่ยนมาใช้เกลือสระว่ายน้ำช่วยให้ประหยัดการใช้สารเคมีและดูแลรักษาง่าย ไม่เป็นอันตรายต่อการจัดเก็บสต๊อกภายในบ้าน และขนย้าย ต่างจากคลอรีน ทำให้เกลือสระว่ายน้ำ เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากและถูกใช้แทนที่คลอรีน
*โดยมีข้อมูลว่า ในออสเตรเลีย มากกว่า 90% ของสระว่ายน้ำในบ้านเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ
สาเหตุที่ทำให้ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ” เป็นที่นิยม
สระว่ายน้ำระบบเกลือ มีจุดเด่นทางด้าน “ความปลอดภัย” ต่อผู้ใช้งานสระว่ายน้ำ โดยเป็นที่ยอมรับในสากลโลกและถูกนำมาแทนที่คลอรีนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยความเค็มของน้ำในสระว่ายน้ำจากการใช้เกลือสระว่ายน้ำนั้นจะมีความเค็มเล็กน้อย ระดับที่ 3,500-4,000 ppm ประมาณความเค็มของน้ำตาของมนุษย์ หรือเพียงระดับ 1 ใน 10 ของน้ำทะเล และสาเหตุที่ทำให้ผู้ใช้งานสระว่ายน้ำหันมาใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือ มีดังนี้
-
- ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในตา แสบตา ตาแดง
- ไม่ทำให้เกิดอาการผิวแห้ง ผมร่วง
- เป็นมิตรต่อคนเป็นโรคภูมิแพ้ หรือแพ้คลอรีน
- ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งยังดีต่อผิว
- ไม่ทำให้ชุดว่ายน้ำซีดเร็ว
- สระกลิ่นไม่ฉุน
- ประหยัดค่าคลอรีน และสารเคมีอื่นๆมากกว่า
- การดูแลสระว่ายน้ำจะเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น (เพราะมีเครื่องที่คอย Monitor ข้อมูลสถานะน้ำในสระตลอดเวลา)
- การติดตั้งง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก สะดวก (สระว่ายน้ำเก่าก็สามารถติดตั้งเสริมได้)
- มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ดี ไม่แพ้การใช้คลอรีนโดยตรง
- ไม่ทำให้กระเบื้องหรือปูนยาแนวสึกกร่อนเร็วเท่าการใช้คลอรีน
ทำให้ผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับในคุณภาพ, ความปลอดภัย ของ สระว่ายน้ำระบบเกลือ จนเป็นที่นิยมในหลายๆประเทศ ทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มเทรนด์คนรักสุขภาพ ที่เป็น Mega–trend แห่งศตวรรษด้วย
สระว่ายน้ำในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ระบบอะไร ?
ในประเทศไทยสระว่ายน้ำระบบเกลือก็เป็นที่นิยมกว่าคลอรีน ไม่แพ้หลายๆประเทศ ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการกับ Absolute Pools สำหรับสระว่ายน้ำใหม่ที่กำลังสร้าง ประมาณ 70% มักให้ความสนใจเลือกใช้งานสระว่ายน้ำระบบเกลือ ในการดูแลสระว่ายน้ำ มากกว่าการใช้คลอรีน ด้วยเหตุผลและคุณสมบัติที่ดีกว่า เป็นระบบอัตโนมัติมาช่วยดูแลสระว่ายน้ำ อีกทั้งยังเป็นเครื่องที่ทำงานผลิตคลอรีนได้เองโดยที่ไม่ต้องเติมเกลือสระว่ายน้ำบ่อยๆ ป้องกันความเสียหายของสระว่ายน้ำ และอุปกรณ์จากการกัดกร่อนของสารเคมีเข้มข้น จึงทำให้สระว่ายน้ำทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นสระกระเบื้อง หรือสำเร็จรูป ที่เป็น สระว่ายน้ำส่วนบุคคล, สระว่ายน้ำกึ่งให้บริการอย่าง Pool Villa, โรงแรม, และคอนโดในโครงการใหม่ๆนิยมใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือด้วยกันทั้งสิ้นสาเหตุที่สระว่ายน้ำบางส่วน (สระเก่า) ยังคงใช้คลอรีนในการดูแลสระว่ายน้ำ เพราะโดยส่วนมากไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการติดตั้งเครื่อง Salt Chlorinator และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ค่อนข้างราคาสูงพอสมควร (แต่ในระยะยาวการใช้สระน้ำเกลือช่วยให้เราประหยัดมากกว่า ทั้งเรื่องสารเคมี และการบำรุงรักษาสระว่ายน้ำจากการกัดกร่อนของสารเคมีในอนาคต) การใช้ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ” ช่วยให้เราไม่ต้องเติมเกลือสระว่ายน้ำเองบ่อยๆเป็นเพราะ เครื่อง Salt Chlorinator จะคอยผลิตคลอรีนจากเกลือสระว่ายน้ำที่เราใส่ลงไปในสระ ผ่านกระบวนการต่างๆ แปรสภาพเป็นคลอรีน และบางส่วนจะกลายสภาพกลับเป็นเกลืออีกครั้งไหลวนอยู่ภายในระบบบำบัดน้ำของสระว่ายน้ำ (เกลือสระว่ายน้ำจะมีอายุการทำงานได้สูงสุดถึงประมาณ 20-30 วัน ต่อการเติมเกลือสระว่ายน้ำ 1 ครั้ง) ในขณะที่การใช้ “คลอรีนสระว่ายน้ำ” เราต้องเติมคลอรีนและสารเคมีต่างๆบ่อยครั้งกว่า (คลอรีนสระว่ายน้ำจะมีอายุการทำงานประมาณ 1-3วัน ต่อการเติม 1 ครั้ง โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานสระว่ายน้ำ) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการใช้คลอรีนสิ้นเปลืองมากกว่าการใช้งานเกลือสระว่ายน้ำในระยะยาว และคลอรีนเองสามารถถูกทำลายได้ง่ายจากหลากหลายสาเหตุ เช่น
-
- ผู้ใช้งานจำนวนมากทำให้น้ำปนเปื้อนเร็วขึ้น ระบบบำบัดน้ำจะทำงานไม่ทัน
- ด้านสภาพอากาศที่ร้อนจัด และคลอรีนสามารถถูกทำลายจากแสงแดด
- น้ำฝนที่ทำให้ความเข้มข้นของคลอรีนเจือจางลง
ทำให้การใช้คลอรีนสระว่ายน้ำเริ่มลดน้อยลง ผู้คนหันมาสนใจการใช้ สระน้ำเกลือมากขึ้นกับสระว่ายน้ำทุกรูปแบบ ด้วยการทำงานของระบบเกลือที่มีความเสถียรภาพ มีการออกแบบการทำงานให้พร้อมกับระบบปั้มสระว่ายน้ำตลอดเวลา สามารถกรองน้ำในสระให้ใส สะอาด ฆ่าเชื้อโรค พร้อมกัน อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แพ้การใช้คลอรีนสระว่ายน้ำ แต่บางส่วนยังคงเลือกใช้ ระบบคลอรีนสระว่ายน้ำตามเดิม เพราะ การเปลี่ยนมาใช้ระบบเกลือสระว่ายน้ำในการดูแลรักษาสระว่ายน้ำ ผู้ใช้หรือผู้ให้บริการต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องของการทำงานและการดูแลรักษาสระว่ายน้ำระบบเกลือ และงบประมาณเพิ่มเติม และส่วนหนึ่งมองว่า การใช้คลอรีนยังคงสะดวกกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง ความถนัดของผู้ใช้และผู้ให้บริการอีกด้วย
“การดูแลสระว่ายน้ำระบบเกลือ”
การหันมาใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือ ยังมีข้อถงเถียงด้านความสะดวกและความยุ่งยากในเรื่องการดูแลรักษาต่อผู้ใช้งานหรือผู้ให้บริการอยู่เสมอ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล บ้างก็บอกว่าสะดวกกว่า บ้างก็บอกว่ายุ่งยากกว่า. . .ซึ่งการหันมาใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือช่วยให้เราไม่ต้องเติมเกลือสระว่ายน้ำบ่อยๆเหมือนคลอรีน โดยเมื่อเราเติมเกลือสระว่ายน้ำลงไป 1 ครั้งเกลือในสระจะมีอายุการใช้งานได้ถึง 20-30 วัน โดยที่เครื่อง Salt Chlorinator จะมีการผลิตคลอรีนออกมาตลอดเวลา ทำงานร่วมกับระบบกรองและปั๊มสระว่ายน้ำ ไปพร้อมกัน เพื่อรักษาสภาพน้ำให้สะอาดอยู่เสมอ โดยที่ทุกๆอย่างจะทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ มีแผงควบคุมและ Monitor รายงานคุณภาพน้ำในสระอยู่ตลอดแต่การที่เป็น คลอรีนจากเกลือนั้นจะมีความเข้มข้นที่น้อยกว่าและความเสถียรต่ำกว่าคลอรีนและสารเคมีเข้มข้นตัวอื่นๆ และโดยปกติคลอรีนจะถูกเจือจางได้ง่าย จากสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ ก่อให้เกิดปัญหา “สระน้ำเขียว” ได้ง่ายกว่า (*ขึ้นอยู่กับสภาพเงื่อนไขของสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาแตกต่างกัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบสระว่ายน้ำ) ที่มาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวประเภทสาหร่าย สปอร์ ผ่านมากับสายลม แสงแดด และสายฝน ลงมาในสระว่ายน้ำ หากมีปริมาณมากพอ และคลอรีนในสระว่ายน้ำอยู่ในสภาพเงื่อนไขที่เจือจางหรือไม่สามารถทำงานบำบัดน้ำได้ทัน ก็สามารถทำให้เอื้อต่อการเจริญเติบโต ก่อให้เกิดเป็น ”ตะไคร่น้ำในสระ”ผู้ใช้งานจึงต้องมีความเข้าใจในระบบสระน้ำเกลือ หมั่นตรวจเช็คระบบและดูแลสระว่ายน้ำด้วยเช่นกัน โดยอาจจะมีการลงทุนใช้ผ้าคลุมสระว่ายน้ำป้องกัน อาจใช้สารเคมี ตัวรักษาสภาพคลอรีน “Chlorine Stabiliser” เพิ่มเข้ามาช่วย เพื่อป้องกันการถูกทำลายจากแสงแดด และถูกเจือจางจากฝน และจากผู้ใช้งานสระว่ายน้ำเอง และยังต้องเข้าใจการใช้สารเคมีที่เป็นกรด ปรับค่าpHของน้ำ ในสระว่ายน้ำ เพื่อให้ ค่า pH คงที่อยู่ที่ 7.2 – 7.6 ตามมาตรฐานสากล ไม่ต่างจากการใช้คลอรีนที่ต้องเติมสารเคมีเป็นประจำ แต่ถึงอย่างไรความถี่ในการใช้สารเคมีของสระน้ำเกลือ ก็ต่ำกว่าสระว่ายน้ำที่ใช้คลอรีน
การทำงานของ”สระว่ายน้ำระบบเกลือ”
สระว่ายน้ำระบบเกลือ “เป็นระบบที่สร้างคลอรีนขึ้นมาจากเกลือ” เราจะใช้สารเคมีที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sodium Chloride(NaCl) (หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า “เกลือ”) เติมเข้าไปในน้ำ(H2O) ให้มีความเข้มข้นอยู่ที่ 3,000-3,500 ppm เมื่อไหลผ่าน เครื่อง Salt Generator ที่มี Electrolytic Cell เป็น กระบวนการ อิเล็คโตรไลซิส(Electrolysis) “กระบวนการแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า” จะทำให้เกลือกลายเป็น คลอรีน เพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส ตะไคร่ ในสระว่ายน้ำ
วิทยาศาสตร์ “สระว่ายน้ำระบบเกลือ”
เมื่อเราใส่ เกลือ (NaCl) ลงไปในน้ำ (H2O) จะเกิดการแตกตัวกลายเป็น ไอออนโซเดียม (Na+) และ ไอออนคลอรีน (Cl-)
-
- (NaCl + H2O = (Na+) + (Cl-) + H2O)
หลังจากไอออนของ โซเดียม (Na+) และ ไอออนของคลอรีน (Cl-) ทำการแตกตัวในน้ำมากพอ (ประมาณ 3,000-3,500 PPM) ไอออนทั้งสองจะทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของน้ำ โดยผ่านกระบวนการแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า โดยมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านเซลล์ของระบบเกลือ ที่เรียกว่า อิเล็คโตรไลซิส (Electrolysis) เพื่อเร่งปฏิกิริยาให้เกิดเป็น ก๊าซคลอรีน (Cl2) ก๊าซไฮโดรเจน (H2) และโซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือ (โซดาไฟ) (NaOH)
-
- (H2O + NaCl = Cl2 + H2 + 2 NaOH)
จากนั้น ก๊าซคลอรีน (C12) จะทำปฏิกิริยากับ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เกิดเป็นสารประกอบคลอรีนที่เกรียกว่า “โซเดียมไฮโปรคลอไรต์” หรือเรียกว่า “คลอรีนน้ำ” (NaOCl) ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อโรค มีค่า pH ประมาณ 11 เป็นส่วนประกอบคลอรีน (NaOCl) ประมาณ 10-12% และอีกส่วนที่เหลือจะทำปฏิกิริยากลับเป็นเกลือ
-
- (Cl2 + 2 NaOH = NaOCl + NaCl + H2O)
จากนั้น “โซเดียมไฮโปรคลอไรต์” (NaOCl) หรือคลอรีนน้ำ จะไปทำการฆ่าเชื้อโรคที่ส่วนใหญ่เป็นสารอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอนเป็นส่วนประกอบ และทำปฏิกิริยากลายเป็นเกลือ(NaC1) เหมือนเดิม และกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2)
-
- NaOCl + สารประกอบคาร์บอน = NaCl + CO2
นอกจากนี้“โซเดียมไฮโปรคลอไรต์” (NaOCl) ยังเกิดปฏิกิริยากับน้ำ (H2O)กลายเป็น กรดไฮโปรคลอรัส (HOCl)
-
- NaOCl + H2O = HOCl + NaOH
โดยกรดไฮโปรคลอรัส (HOCl) เป็นกรดอ่อนๆชนิดนึงที่สามารถถูกผลิตขึ้นเองได้โดยธรรมชาติโดยเซลล์เม็ดเลือดขาวในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด มีความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีกว่าแอลกอฮอล์ เช่น แบคทีเรีย สาหร่าย เชื้อรา เชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบัน “กรดไฮโปรคลอรัส” ยังถูกนำมาใช้ ด้านสุขภาพ ทันตกรรม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำความสะอาดบนพื้น สิ่งของ เชื้อโรคบนอากาศ ฆ่าเชื้อบนผิวหนัง ซึ่งปัจจุบันยังเป็นนวัตกรรมที่นำมาสู้กับเชื้อไวรัส COVID-19 อีกด้วย
สรุป! การใช้เกลือสระว่ายน้ำ ดีมั้ย?
การจะเปลี่ยนมาใช้เกลือสระว่ายน้ำแทนคลอรีนถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในแง่มุมของสุขภาพและความปลอดภัยอย่างแน่นอน หากว่าเราและคนในครอบครัวเป็นผู้ใช้งานสระว่ายน้ำเอง เราคงไม่อยากให้พวกเขา ลงไปจุ่มสารเคมีเข้มข้นบ่อยๆ ที่มีผลเสียมากมาย การเลือกใช้ เกลือสระว่ายน้ำ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย สบายใจกว่า (ทำให้ปัจจุบันสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านมักเลือกใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือเป็นส่วนมาก) แต่ต้องแลกด้วย ต้นทุนสูงในการติดตั้งครั้งแรก แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่ากว่าการใช้คลอรีนแน่นอน
สำหรับใครที่เป็นสายรักษาสุขภาพ ห่วงใยคนในครอบครัว สนใจสระว่ายน้ำระบบเกลือ ทาง Absolute Pools ก็ขอแนะนำเครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ Autochlor นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ได้รับการยอมรับในระดับสากล และผู้ใช้งานทั่วประเทศ นำเข้าโดยตรงจากผู้ผลิต
ติดต่อปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Absolute Pools Phuket
เครื่องเกลือ AutoChlor Advanced Salt Water Chlorinators RP-100/150 MIDI Series
เครื่องเกลือ Autochlor Salt Water Chlorinators Classic RP Series
ทางเลือกที่ใหม่กว่า! กับเทคโนโลยีปัจจุบันของสระว่ายน้ำ
หากคุณมองว่าสระน้ำเกลือยังดีไม่พอสำหรับครอบครัวและคนที่คุณรัก ยังต้องใช้สารเคมีหลายอย่าง Absolute Pools ขอแนะนำ 5 เหตุผลที่ต้องใช้ระบบน้ำแร่ + โอโซน (Ozone + Mineral Water System) ที่ลดการใช้สารเคมีลงถึง 90% ที่สะอาด ปลอดภัย และ ดีต่อสุขภาพ เทคโนโลยี ระบบบำบัดน้ำที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน